วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สรุปความรู้ที่ได้จาการเรียนครั้งที่ 2

วันอาทิตย์ที่  5  กุมภาพันธ์  2560


สัปดาห์ที่ 2  :  รู้จักกับการออกแบบการสอน ( INSTRUCTIONAL  DESIGN)และ เทคโนโลยี                                         สารสนเทศทางการศึกษา  ( Information  Technology  in  Education )

                      
                      การออกแบบการสอน  ( INSTRUCTIONAL  DESIGN)  ประกอบด้วย
                      1.  การวิเคราะห์  ( ANALYSIS)   
                      2.  การออกแบบ  ( DESIGN )
                      3.  การพัฒนา   (  DEVELOPMENT )
                      4.  การทดลองใช้  ( IMPLEMENTATION )
                      5.  การประเมินผล (EVALUATION)


ดังนั้นการออกแบบสื่อ จึงต้องนำกระบวนการทั้งหมดในแผนภาพไปใช้เพื่อที่จะสามารถปรับปรุงและประเมินผลจากการใช้สื่อได้
                    เทคโนโลยี    สารสนเทศทางการศึกษา  ( Information  Technology  in  Education )
 เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ  สังคมและเทคโนโลยี

ความเป็นมาของคอมพิวเตอร์  และคอมพิวเตอร์ในยุคก่อน
                                                 ยุคที่ 1    ยุคของการใช้หลอดสุญญากาศ
                                                   ยุคที่ 2  ใช้ทรานซิสเตอร์   เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์
                                                 ยุคที่ 3    วงจรรวม ( lntegrated - Circuit) หรือเรียกกันย่อๆว่า IC
                                                         ยุคที่ 4     วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) และ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่มาก (Very Large Scale Integration : VLSI) เป็นอุปกรณ์หลัก
                                                   ยุคที่ 5      (Artificial Intelligence : AI) เป็นหัวใจของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ โดยหวังให้ระบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ สามารถวิเคราะห์ปัญหาด้วยเหตุผล
การจำแนกขนาดของคอมพิวเตอร์
ขนาดของคอมพิวเตอร์

การแบ่งคอมพิวเตอร์ออกตามขนาดนั้น ไม่ได้แบ่งจากขนาดของคอมพิวเตอร์ แต่แบ่งจากขนาดของหน่วยความจำและอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับและแสดงข้อมูล ดังนั้นการที่จะเลือกคอมพิวเตอร์ขนาดใดจำเป็นคำนึงถึงลักษณะของงานว่ามีความซับซ้อน ยุ่งยาก ต้องใช้หน่วยความจำในการเก็บข้อมูลมากหรือไม่ ผู้เลือกซื้อคอมพิวเตอร์ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับงาน ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานได้ผลถูกต้องรวดเร็ว ซึ่งแบ่งขนาดของคอมพิวเตอร์ได้แบ่ง ขนาด ดังนี้
1. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ( Super computer ) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และสามารถประมวลผลได้เร็วที่สุด ซึ่งส่วนมากแล้วจะผลิตมาใช้กับงานเฉพาะด้าน เช่น งานวิทยาศาสตร์ที่ยุ่งยากซับซ้อนในการคำนวณ งานออกแบบเครื่องบิน งานวิจัยทางด้านนิวเคลียร์ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดนี้จะมีราคาที่ค่อนข้างแพงมาก
2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ( Mainframe Computer ) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูง มีความเร็วในการทำงานและมีหน่วยความจำสูงมาก เหมาะกับหน่วยงานขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร องค์กรขนาดใหญ่ เป็นต้น
3. มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer ) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดรองลงมา มีขนาดหน่วยความจำน้อยกว่า 2แบบแรก แต่ก็มีความรวดเร็วในการประมวลผลสูง มักจะใช้งานที่มีการบันทึกข้อมูลไม่มาก เช่น การควบคุมอุปกรณ์ในการทดลอง การควบคุมเครื่องจักรใน
รายงาน เป็นต้น
4. ไมโครคอมพิวเตอร์( Micro Computer ) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดปัจจุบันเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่นิยมใช้กันมาก เนื่องจากมีขนาดเล็ก มีน้ำหนักเบา ราคาไม่แพง สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายและสะดวก บางรุ่นมีลักษณะเป็นกระเป๋าหิ้วหรือที่เรียกว่าNote Book สามารถพกพาได้ สำหรับงานที่จะใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์นั้น ส่วนมากแล้วจะเป็นงานไม่ใหญ่มาก เช่น งานใสำนักงานทั่วไป งานเก็บข้อมูลต่างๆ ปัจจุบันนี้เครื่องคอมพิวเตอร์มีการพัฒนาออกแบบหลายแบบหลายรุ่น และมีการพัฒนารุ่นต่างๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น